ฟังรองนายกฯ วิษณุ เครืองาม ว่า กอ.รมน.ยังสามารถเรียกมา “ปรับทัศนคติ” ได้แต่ไม่มีอำนาจกักขัง ซึ่งเขาบอกว่าน่าจะดีกว่าให้ทหารประกาศกฎอัยการศึก ถ้านำมาใช้บ่อยๆ ก็จะทำให้สังคมเลิกเชื่อถือคำอธิบายของผู้ที่อ้างว่าเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย หรือทำเพื่อประชาชน แต่ไม่สนใจว่าสังคมทั่วไปจะคิดอย่างไรกับการตีความทุกอย่างให้ผู้มีอำนาจได้ประโยชน์
คำนี้เพิ่งจะเกิดในช่วง คสช. ซึ่งในทางปฏิบัติคือการเชิญหรือเรียกตัวไปพบ เพราะเห็นว่าคนคนนั้นมีความเห็นไม่ตรงกับผู้มีอำนาจ การพูดจาระหว่างการ “ปรับทัศนคติ” เป็นอย่างไร ผมไม่ทราบ แต่ก็น่าสนใจสำหรับผม เผด็จการของไทยเราไม่ว่าจะเป็นทหารหรือพลเรือนก็คงจะลอกเลียนจากทั้งตะวันตกและตะวันออก เพราะคิดอะไรเองไม่ค่อยเป็น นั่นคืออยากจะให้ฟังดูดี เหมือนไม่ใช่เผด็จการ แต่เป้าหมายก็คือการกดดันและบังคับทั้งทางตรงและทางอ้อมให้คิดเห็นตรงกับคนมีอำนาจ เพราะการจะ “ปรับทัศนคติ” ของคนอื่นนั้นแปลว่าทัศนคติของตัวเองถูกต้องมากกว่าของคนที่ถูก “ปรับ” เอาเข้าจริงๆ ผู้มีอำนาจเองนั่นแหละที่อาจจะมีทัศนคติที่ผิดเพี้ยน บ้าอำนาจ...
ยิ่งเมื่อมีการเลือกตั้งแล้ว ไม่ว่ากติกาจะบิดเบี้ยวอย่างไร และการต่อรองเจรจาระหว่างพรรคการเมืองจะน่าเกลียดเพียงใด รัฐบาลใหม่ก็ไม่มีสิทธิ์จะเรียกใครไป “ปรับทัศนคติ” อีกต่อไป
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
แหล่ง: thaipost - 🏆 62. / 51 อ่านเพิ่มเติม »