ที่เกิดเหตุพบบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น บริเวณหน้าบ้านมีประชาชนยืนดูอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนบริเวณกลางบ้านพบลูกชายที่ก่อเหตุใช้เชือกไนล่อนผูกคอตัวเองเสียชีวิตอยู่กับขื่อภายในห้องน้ำ ซึ่งนางปรีดาไปเห็นจึงรีบไปเอามาตัดเชือก เพื่อจะช่วยลูกแต่ไม่ทันการณ์ นายปราโมทย์เสียชีวิตแล้วจากการสอบสวน นางปรีดา กล่าวว่า นายปราโมทย์ทำงานเป็นเวรแปลอยู่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ได้กลับมาที่บ้าน โดยพักอยู่ที่บ้านได้ประมาณ 1 สัปดาห์ โดยลูกชายเล่าให้ฟังว่าที่กลับมาบ้าน...
“เมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา แม่กับลูกได้นั่งคุยกันเรื่องทั่วไป และก็คุยกันเรื่องบ้านหลังนี้ที่ได้ทาสีใหม่ จู่ ๆ ลูกก็มาไหว้ และยกเท้าของแม่ไปวางศีรษะของลูก แล้วก็บอกว่า “รักแม่” แม่จึงบอกรักลูกแล้วก็บอกว่าบ้านหลังที่อยู่แม่ก็ไม่มีใคร ก็จะเก็บไว้ให้ลูกนี่แหละ จังหวะนั้น ลูกก็บอกว่าแม่ว่า คงจะไม่ได้อยู่ คงจะตายเสียก่อน ตอนนั้นก็เอะใจว่าลูกพูดแปลก ๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย” นางปรีดา กล่าว
นางปรีดา กล่าวต่อว่า เมื่อช่วงสาย ๆ ตนกับสามีได้ออกไปธุระข้างนอก โดยนายปราโมทย์อยู่ที่บ้านเพียงคนเดียว พอตนกลับมาก็เห็นว่ารั้วหน้าบ้านปิด แต่ประตูในบ้านเปิด ตะโกนเรียกลูกแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ จึงตัดสินใจข้ามรั้วมาแล้วเข้ามาหาลูกในบ้าน หาไม่เจอ ไปเจออีกทีก็พบว่าลูกใช้เชือกผูกคอตัวเองในห้องน้ำ ตนตกใจมากจึงคว้ามีดในครัวมาตัดเชือก แล้วรีบนำลูกลงมาจะช่วย แต่ปรากฏว่าไม่ทัน ลูกของตนเสียชีวิตแล้ว
ตนเสียใจมาก ไม่คิดเลยว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์แบบนี้ เป็นช่วงที่หลาย ๆ ครอบครัวมีความสุข แต่ครอบครัวของตนต้องมีสูญเสียลูกชายที่เป็นที่รักไปแบบนี้