” เรียกพ่อแม่ 2 ฝ่าย มาตกลงไกล่เกลี่ยขอขมาหักคะแนนความประพฤติ และทำทัณฑ์บนที่ให้เซ็นบันทึกข้อตกลงไม่ให้ดำเนินคดี “อ้างกลัวเสื่อมเสียชื่อเสียง” จนเหยื่อยังไม่กล้าไปโรงเรียนอีกเลย...” ต้องออกอาการ “ฉุนลมออกหู” พร้อมออกปากรับไม่ได้ เพราะเป็น “บูลลี่ และคุกคามนักเรียน” ถ้ามีเรื่องในโรงเรียนจะดี หรือไม่ดี ต้องไม่ปกปิดเพื่อหาทางแก้ไขป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก
” มีทุกรูปแบบ ทั้งการทำร้ายร่างกาย การรังแกด้วยวาจาหยาบคาย ดูถูก เหยียดหยาม และยังบูลลี่ผ่านทางโซเชียลฯ จนกลายเป็นการเลียนแบบ สร้างความรุนแรงได้อีกด้วยซ้ำ แต่ว่า...“นิสัยบุคคล” ย่อมเปลี่ยนแปลงกันได้ เมื่อถึงช่วงอายุวัยหนึ่ง “เด็กกลุ่มนี้” ก็จะหยุดเลิกบูลลี่คนอื่น ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า “บางคน” อาจติดบูลลี่ต่อเนื่องจนถึงวัยทำงานก็มีอยู่เช่นกัน...
ยอมรับว่า...“อาชีพครู” เป็นอาชีพทำงานกับ “เด็ก” ทั้งยังถูกกดดันจากผลตอบแทนน้อย แต่ต้องทำงานหลายบทบาท ทำให้ “เครียดสะสม” ไม่สามารถกำจัดปัญหาส่วนตัวได้ ที่เรียกว่า “สภาวะ burn out” หรือ การเกิดภาวะหมดไฟในการทำงาน มีผลต่อการทำงานกระทบต่อเด็กขึ้น แต่ “ครูบางคน” ก็มีวิธีจัดการปัญหาส่วนตัวนี้ได้ดี
จึงเคยแสดงความเห็นไว้ ให้เอาเรื่องผู้บัคับบัญชาที่บกพร่องต่อหน้าที่ว่าตามระดับชั้นและความใกล้ชิด ถ้าบ่อยครั้งถึงแม้จะต่างสถานที่ ในปีที่ การเมืองเข้ามาดูแล รมต.ต้องแสดงสปิริต
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้