โดยให้ทูตพาณิชย์แต่ละประเทศสรุปการนำเข้าของแต่ละประเทศว่า มีการนำเข้าสินค้าจากไทย และจากประเทศคู่แข่งของไทยอย่างไร เพื่อประเมินว่าหากไทยจะผลักดันการส่งออกไปประเทศเหล่าน้า จะต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อให้มูลค่าการส่งออกไทยในปีนี้ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 8% จากปีก่อน
นอกจากนี้ ยังให้สรุปปัญหาและอุปสรรคการส่งออกสินค้าไทยไปแต่ละประเทศว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง รวมถึงให้ประเมินตัวเลขการส่งออกเป็นรายประเทศอีกครั้ง หากไม่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายอาจจะต้องพิจารณาปรับตัวเลขการส่งออกเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน “เรื่องของสงครามการค้าที่ผ่านมา จากการติดตามผลกระทบทางด้านบวก พบว่า ทำให้ยอดการส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯ อย่างเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้ของตกแต่งบ้าน ได้รับผลดี เพราะเป็นกลุ่มสินค้าที่ไทยได้รับประโยชน์จากการที่สหรัฐฯนำเข้าเพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนสินค้าจีนที่ถูกสหรัฐฯเก็บภาษี จนทำให้ผู้นำเข้าสหรัฐฯหาสินค้าประเทศอื่นมาทดแทน”
ด้านนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากสหรัฐฯขึ้นภาษีสินค้าจีนจาก 10% เป็น 25% คิดเป็นมูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯจริง คาดว่าจะทำให้การส่งออกสินค้าไทยปีนี้ไม่ขยายตัว หรือเติบโต 0% จากปี 61 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวมากยิ่งขึ้น โดยสรท.จะประเมินตัวเลขการส่งออกสินค้าไทยในปี 62 ใหม่อีกครั้งในสิ้นเดือน พ.ค.
อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มสินค้าที่ไทยได้ประโยชน์จากการส่งออกทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐฯ เช่น สินค้าเกษตร ที่คาดว่าจะส่งออกเพิ่มขึ้น ส่วนสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ มีบางรายการที่ไทยสามารถส่งออกทดแทนสินค้าจีนไปตลาดสหรัฐฯได้ แต่ภาพรวมของสงครามการค้า หากยังยืดเยื้อ จะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยในที่สุด.