กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียออกแถลงการณ์ ถึงสหรัฐฯ ว่าควรยุติการใช้แผนยุทธศาสตร์ข่มขู่ต่อเวเนซุเอลา โดยเฉพาะการกดดันทางเศรษฐกิจเพื่อผลักดันให้เกิดสงครามกลางเมือง ซึ่งเป็นกลยุทธ์การใช้ความรุนแรงอย่างเปิดเผยและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศทุกข้อ ขณะเดียวกัน รัสเซีย ยังกล่าวถึงประเด็นการส่งทหารประมาณ 100 นายพร้อมยุทโธปกรณ์จำนวนหนึ่งเข้าไปยังเวเนซุเอลาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จนสร้างความไม่พอใจอย่างหนักให้แก่สหรัฐฯ ว่ารัสเซียทำอะไรไม่เคยปิดบัง ทำทุกอย่าง...
โดยท่าทีดังกล่าวของรัสเซียเกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างต้อนรับนางฟาบิอานา โรซาเลส ภรรยาของนายฮวน ไกว ผู้นำฝ่ายค้านซึ่งประกาศตัวเป็นผู้นำคู่ขนาน กับประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯ เป็นประเทศแรกที่รับรอง ให้เขาเป็นผู้นำอย่างชอบธรรม นอกจากนั้นสหรัฐยังได้ เรียกร้องให้รัสเซียถอนทหารออกจากเวเนซุเอลา
ขณะที่ทางด้าน พล.อ. วลาดิเมียร์ ปาดริโน รมว.กระทรวงกลาโหมของเวเนซุเอลา กล่าวว่าได้รับ การสื่อสารจากทางด้านนายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว ขอให้กองทัพเวเนซุเอลา ทำสิ่งที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ นั่นก็คือการให้กองทัพหันไปให้การสนับสนุนนายฮวน ไกวโด เช่นเดียวกับที่สหรัฐฯ กำลังกระทำ แต่ทางด้าน พล.อ.วลาดิเมียร์ ปาดริโน รมว.
รัสเซียและเวเนซุเอลาลงนามข้อตกลงการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงเมื่อปี 2554 ซึ่งรวมถึงการที่เวเนซุเอลา จัดซื้อยุทโธปกรณ์และอุปกรณ์ด้านกลาโหมจากรัสเซีย เป็นหลัก ขณะที่บริษัทโรโซโบรอนเอ็กซ์พอร์ต รัฐวิสาหกิจด้านการผลิตและส่งออกอาวุธของรัสเซีย ประกาศการเปิดศูนย์ฝึกหัดนักบินเฮลิคอปเตอร์ในเวเนซุเอลา เพื่อสร้างศักยภาพทางทหารควบคู่ไปด้วยกันอีกด้วย