ศูนย์สั่งการชายแดนฯ ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนและทุกภาคส่วนในการตรวจสอบข่าวสาร ข้อเท็จจริงก่อนที่จะนำไปเผยแพร่ให้กับประชาชน เพราะข่าวสารที่ไม่เป็นความจริงนั้นจะสร้างความแตกตื่นและความหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยประชาชนสามารถรับฟังข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงได้จากการแถลงข่าวประจำวันของศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอนผลกระทบที่เกิดขึ้นกับจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ปัจจุบันผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา ที่เข้ามายังพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว มีความมั่นใจด้านความปลอดภัยมากขึ้น จึงมีความประสงค์เดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาฝั่งประเทศเมียนมาเพื่อกลับไปดำเนินชีวิตตามปกติ จำนวน 559 คน ยังคงเหลือยอดผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา ที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 4 แห่ง จำนวน 1,042 คน ดังนี้ พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บริเวณห้วยมะระ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จำนวน 197 คน ,พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บริเวณห้วยจอกลอ ต.แม่คง อ.
สำหรับราษฎรไทยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง ที่เดินทางมายังตำบล รวบรวมพลเรือนเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินตามแผนการอพยพพลเรือนในพื้นที่ ปัจจุบันมีราษฎรอยู่ในพื้นที่ตำบลรวบรวมพลเรือน 2 แห่ง จำนวน 219 คน ดังนี้ พื้นที่ตำบลรวบรวมพลเรือน ห้วยกองกูด ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จำนวน 176 คน และพื้นที่ตำบลรวบรวมพลเรือน ห้วยกองคา ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จำนวน 39 คน
ศูนย์สั่งการชายแดนฯร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ให้ความช่วยเหลือตามแผนการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 ได้ยืนยันในการทำหน้าที่ป้องกันชายแดน มิให้กลุ่มหนึ่งกลุ่มใดรุกล้ำอธิปไตยโดยเด็ดขาด รวมถึงปกป้องดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของราษฎรไทยในพื้นที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ
แหล่งข่าวกองกำลังติดอาวุธกะเหรี่ยง KNLA ระบุว่า ทหารกะเหรี่ยงได้ทำการปิดล้อม ฐานปฏิบัติการด๊ากวินของทหารเมียนมามากว่า 2 เดือน และตั้งแต่ข้าวสารปริศนาจำนวน 700 กระสอบได้ถูกสกัดเนื่องจากไม่ชอบด้วยกฎหมายของประเทศไทย แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ทหารเมียนมาในเมื่อขาดแคลนเสบียงอาหาร สามารถอยู่ได้อย่างไร ทั้งที่ ทหารกะเหรี่ยงได้ปิดล้อมไว้ทุกเส้นทาง ยกเว้นทางน้ำสาละวิน ที่ติดไทย ส่วนการสู้รบเมื่อวันที่ 24 พฤษาภาคม ทหารกะเหรี่ยงได้ยิงปืน ค.60 มม.จำนวน 2 นัดโจมตีฐาน ฯ ด๊ากวิน และนัดที่ 2 ห้วงเวลา 19.47 น.