ในทางเศรษฐกิจ ประเด็นร้อนแรงที่สุด ในเดือนมกราคมที่กำลังจะผ่านไป ก็คือ แรงกดดันทั้งจากสังคม และโดยเฉพาะจากรัฐบาล ที่ขอให้ ธปท.ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับสูงที่สุดในประวัติการณ์ที่ 2.5% ต่อปี ลงมา เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อโดยรวมของปี 2566 ไม่ได้สูงอย่างที่ ธปท.คาดไว้ และจุดแรกที่ต้องจับตา ก็คือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ครั้งแรกของปีในวันที่ 7 ก.พ.
ถือเป็นตัวเลขที่ “หักปากกาเซียน” แทบทุกสำนัก เพราะในช่วงต้นปี 2566 ที่ผ่านมา องค์กรที่ทำบทวิเคราะห์วิจัยเศรษฐกิจแทบทุกแห่ง ทั้งของภาครัฐ และเอกชน ต่างมองเศรษฐกิจไทยปี 2566 ว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับ 3-4% จากระยะเดียวกันปีก่อน แต่หลายคนกังวลว่า หากปล่อยให้เศรษฐกิจโตไปแบบนี้ โดยไม่ได้รับแรงกระตุ้นระยะสั้นที่แรงพอ พร้อมกับการปรับโครงสร้างเพื่อยกระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจที่เร็วพอ เศรษฐกิจไทยจะไม่ได้แค่ “โตช้า” กว่าประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น แต่มีความเสี่ยงเข้าสู่วัฏจักรของ “ความซบเซาต่อเนื่อง” หรือการเติบโตต่ำๆ ของเศรษฐกิจที่ยาวนาน เช่นที่เคยเกิดขึ้นในญี่ปุ่น ที่เศรษฐกิจโตต่ำมายาวนานเป็นสิบปี
กลับมาที่ “อัตราดอกเบี้ยนโยบาย” หรือนโยบายการเงินในปีนี้ เมื่อแรงส่งทางเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ลดต่ำลงกว่าคาดมาก โครงการดิจิทัล วอลเล็ต ถูกเลื่อนเวลาออกไป ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ในปี 2566 และปี 2567 ไม่ได้สูงอย่างที่คาดไว้ โดยในปี 2566 ธปท.คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ทั้งปีอยู่ที่ 1.3% เท่านั้น ขณะที่ในปี 2567 คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั้งปีจะเพิ่มขึ้น 2% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้เดิมระดับหนึ่ง
ขณะเดียวกัน หากมองทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลก ประเทศเศรษฐกิจหลักส่วนใหญ่ยังอยู่ในทิศทางของการตรึงดอกเบี้ยในระดับสูงไว้ เพื่อรอดูทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
แหล่ง: ktnewsonline - 🏆 24. / 63 อ่านเพิ่มเติม »
แหล่ง: Sanook - 🏆 22. / 63 อ่านเพิ่มเติม »
แหล่ง: Thansettakij - 🏆 23. / 63 อ่านเพิ่มเติม »
แหล่ง: Sanook - 🏆 22. / 63 อ่านเพิ่มเติม »
แหล่ง: thaipost - 🏆 62. / 51 อ่านเพิ่มเติม »
แหล่ง: siamrath_online - 🏆 15. / 63 อ่านเพิ่มเติม »