ชัดแล้วว่าสี่พรรคใหญ่บนเวทีการเมือง คือ “เพื่อไทย, พลังประชารัฐ, อนาคตใหม่ และประชาธิปัตย์” พร้อมแล้วที่จะส่งทีมผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ลงประกวด แยังไม่นับรวมหลากผู้สมัครอิสระที่น่าจะอาสามาเปิดวิสัยทัศน์พัฒนาเมืองกรุงและขอโอกาสในการทำหน้าที่ ข้อมูลพื้นฐานผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ในกรุงเทพมหานคร 4,498,109 คนนั้น คือผู้ชี้ชะตาว่า ใครสมควรที่จะมาบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
ส่วนบรรดาผู้สมัครอิสระที่ลงมาแข่งขันและสร้างสีสันในเวทีนี้ บางคราวคนกรุงก็เทแต้มให้ดื้อๆ อาทิ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ลงสนามนี้สองครั้งคว้าไปคราวละสามแสนกว่าคะแนน นับว่าไม่ธรรมดาเลย... ในอดีตที่ผ่านมา นับตั้งแต่กรุงเทพมหานครถูกจัดให้เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ มีการแต่งตั้งพ่อเมืองหลวง 9 ครั้ง เลือกตั้ง 10 ครั้ง โดย “4 ใน 5 ครั้งหลังสุด” พรรคสีฟ้าครองเก้าอี้นี้ไว้ได้ และหากย้อนไปมองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งล่าสุด 30 เขตในเมืองหลวง จะพบว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้ ส.ส. 12 ที่นั่ง พรรคอนาคตใหม่ ได้ส.ส. 9 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทย ได้ ส.ส. 9 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ไม่มี ส.ส.เมืองหลวงเลยในครั้งนี้ แต่มีคะแนนรวม 4.
รากฐานคะแนนของพท.กับอนค. รวมทั้ง ปชป.กับพปชร.นั้น ลึกๆ แล้วคือสองขั้วที่มีสองพรรคจับมือหลวมๆ บ่งชี้ได้ขั้นต้นว่า หนึ่งขั้วต้านลุงตู่กับหนึ่งขั้วหนุนลุงตู่นั้น ตั้งอยู่บนฐานคะแนนเดียวกัน ดังนั้นหากทั้งสี่พรรคลงแข่งขัน"แต้มจะตัดกันเองในคู่พันธมิตรทางการเมือง ซึ่งอาจเปิดช่องให้ขั้วตรงข้ามคว้าโอกาสไปครองแบบไม่เหนื่อยนัก”
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้