กล่าวว่า ในปี 2566 ธุรกิจธนาคารจะมีต้นทุนทางการเงินเรื่องเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ที่เคยลดลงมาอยู่ที่ 0.23% กลับไปสู่ระดับเดิมที่ 0.46% โดยหากรวมเงินนำส่งสถาบันคุ้มครองเงินฝากอีก 0.01 % จะเป็น 0.47 % มีผลในเดือนมกราคม 2566 นอกจากนี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นยังต้องเป็นไปตามการปรับขึ้นของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ที่จะทยอยกลับไปสู่ระดับปกติ
“ตอนที่ลดอัตรานำส่ง FIDF แบงก์ก็ลดดอกเบี้ยให้ด้วย แต่เมื่อภาระต้นทุนที่กลับมาทำให้ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบต้องมีการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50 – 0.60 % ในปี 2566 ซึ่งจะขึ้นอยู่กับโครงสร้างสินเชื่อของแต่ละธนาคารและต้องปรับขึ้นฝั่งเงินฝากให้สอดคล้องกันด้วย” นายปิติกล่าวอีกว่า ในปีหน้าเป็นความท้าทายในการบริหารของธนาคารที่จะต้องทยอยส่งผ่านภาระทางการเงินไปสู่ลูกค้าโดยกระทบน้อยที่สุด เพราะยังมีปัจจัยในเรื่องเศรษฐกิจที่คาดว่าปีหน้าจะต้องเผชิญกับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวทำให้ภาคการส่งออกและท่องเที่ยวของไทยจะชะลอลง โดยธนาคารต้องเตรียมแนวทางในการดูแลลูกค้าให้เหมาะสมกับแต่ละราย
อย่างไรก็ดีในปี 2565 ระบบธนาคารพาณิชย์มีผลประกอบการที่ดี สำหรับทีทีบีคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีระดับหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ อยู่ในระดับ 2.8% บวกลบต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 3.
“ปีนี้เป็นปีขาออก หมายถึงลูกหนี้ทยอยออกจากมาตรการช่วยเหลือช่วงโควิด แต่ก็มีความไม่แน่นอนจากภาวะเศรษฐกิจเข้ามา หากในปีหน้าภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยชัดขึ้น จะทำให้กลุ่มที่ยังฟื้นตัวจากโควิดได้ไม่แข็งแรงลำบาก ตรงนี้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะจะเป็นกลุ่มขาเข้าที่กลับมาแก้ไขหนี้ใหม่ก็ได้"
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
แหล่ง: moneynbanking - 🏆 44. / 51 อ่านเพิ่มเติม »
แหล่ง: PPTVHD36 - 🏆 49. / 51 อ่านเพิ่มเติม »
แหล่ง: Thansettakij - 🏆 23. / 63 อ่านเพิ่มเติม »
แหล่ง: ktnewsonline - 🏆 24. / 63 อ่านเพิ่มเติม »
แหล่ง: moneynbanking - 🏆 44. / 51 อ่านเพิ่มเติม »
แหล่ง: ktnewsonline - 🏆 24. / 63 อ่านเพิ่มเติม »