14 มี.ค.64 - ที่ห้องประชุมชั้น 3 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย วันที่ 14 มีนาคม "คนเดือนพฤษภา 2535 สภาที่ 3” ได้จัดเสวนา เรื่อง "จาก รสช. คปค.คมช.ถึง 3ป. มรดกรัฐประหารที่ตกค้างในแผ่นดินไทย” โดยมีนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา ๓๕ ผศ.ดร.
ด้านนายปริญญา กล่าวว่า การประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 วันที่ 17 - 18 มี.ค.นี้ ว่า กระบวนการที่จะเริ่มทำประชามติถามประชาชนว่าจะให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อที่ประชุมร่วมรัฐสภาต้องโหวตผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ในวาระ 3 จากนั้นจึงจะเริ่มขั้นตอนการทำประชามติ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ส่วนการที่มี ส.ส. และ ส.ว.
นายปริญญา กล่าวอีกว่า หากเราประสงค์จะให้พี่น้องคนไทยไม่ว่าฝ่ายไหนยุติปัญหาด้วยรัฐสภา คิดว่าขั้นตอนที่จะนำความขัดแย้งนอกสภามาสู่กระบวนการที่ใช้รัฐสภาเป็นตัวแก้ปัญหา เกรงว่าหากคว่ำไป การเมืองนอกสภาอาจจะแรงขึ้น ดังนั้น ในเมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 มีปัญหาเรื่องความยอมรับของประชาชนจำนวนมาก ต่อให้ผ่านประชามติมาก็เป็นประชามติที่ไม่สมบูรณ์แบบ ตนจึงเห็นว่าควรจบด้วย 1 คน 1 เสียง เพราะเมื่อผลออกมาแล้วจะแก้ข้อครหาที่เกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญ 2560 ได้ และจะได้รู้กันไปเลยว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาจริงหรือไม่...
“ประยุทธ์โกหกไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่คนไทยก็ยังให้อภัย ผมถึงบอกกับประชาชนว่าการแก้ไขและธรรมนูญเป็นเรื่องหลวงโลกของรัฐบาล เพราะเป็นกลไกเดียวที่จะต่ออายุของเขา นอกจากนี้บรรดานักการเมืองทั้งหลายก็กลัวกลไกทหาร แบบน้ำเพิ่งเรือเสือพึ่งป่าที่ปัญหาเต็มไปหมดภายในรัฐบาลเอง พรรคประชาธิปัตย์ก็สาละวันเตี้ยลงทุกวัน ถ้าเรื่องรัฐธรรมนูญพรรคประชาธิปัตย์ยังแถกได้อีกครั้งน่าจะเรียกว่าสูญพันธุ์ หรืออาจจะเหลือไม่ถึงครึ่งของครึ่งเพราะเห็นกันอยู่ว่ามันผลัดกันเล่นผลัดกันต้ม และศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ก็มาจากประยุทธ์ทั้งชุด...